เร่งฉีดวัคซีนในเด็ก 12 - 18 ปี ก่อนกลับมาเปิดเรียนต้นเดือน พ.ย.
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเปิดงาน Kick off สร้างเกราะป้องกันด้วยวัคซีน เด็กปลอดภัย เรียนอุ่นใจ ต้อนรับเปิดเทอม เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในการฉีดวัคซีนในเด็ก พร้อมชูมาตรการ Sandbox ลดความเสี่ยงของโควิด-19 ที่โรงเรียนพิบูลอุปถัมภ์ กทม.
วันที่ 4 ตุลาคม 2564 ถือเป็นวันเริ่มต้นการฉีดวัคซีนโควิด-19 ให้กับเด็ก เบื้องต้นมีผู้ปกครองแจ้งความจำนงให้บุตรหลานฉีดวัคซีน เป็นจำนวน 3.6 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 70 ของนักเรียนที่อายุ 12 ปีขึ้นไป ประมาณ 5 ล้านคน โดยจะมีการจัดสรรวัคซีนให้กับทุกจังหวัด ได้ฉีดภายในเดือนตุลาคมนี้ สำหรับเด็กอยู่นอกระบบการศึกษา และโฮมสคูล สามารถเข้ารับวัคซีนที่โรงพยาบาลที่รักษาประจำหรือโรงพยาบาลใกล้บ้านได้ ทั้งนี้ การฉีดวัคซีนให้แก่เด็กจะเป็นไปตามความยินยอมของนักเรียนและผู้ปกครอง ไม่เป็นการบังคับ

ย้ำวัคซีนปลอดภัย แต่งดออกกำลังกายหลังฉีด 7 วัน
กรมควบคุมโรค ยืนยัน การฉีดวัคซีนไฟเซอร์ให้กับเด็กนักเรียนอายุ 12-18 ปี มีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพผ่านการรับรองจาก อย. และ WHO มีระบบติดตามอาการไม่พึงประสงค์หลังการฉีด โดยได้ออกคำแนะนำงดออกกำลังกายหลังฉีดวัคซีน 7 วัน พร้อมสังเกตอาการ หากแน่นหน้าอก เจ็บหน้าอกหรือเหนื่อย ให้รีบไปโรงพยาบาล และแจ้งประวัติการรับวัคซีน เพื่อเข้าระบบการดูแลรักษา ทั้งนี้โอกาสพบอาการดังกล่าวในเด็กผู้ชายจะสูงกว่าเด็กผู้หญิง

ครม.เห็นชอบจัดซื้อวัคซีนและรับการสนับสนุนเพิ่มเติมจาก 3 ประเทศ
คณะรัฐมนตรี มีมติเห็นชอบให้กระทรวงสาธารณสุข จัดซื้อวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของ AstraZeneca จาก ฮังการีจำนวน 400,000 โดส และเห็นชอบรับการสนับสนุนวัคซีน Pfizer จากไอซ์แลนด์ จำนวน 100,000 โดส และวัคซีน AstraZeneca จากเยอรมนี จำนวน 346,100 โดส
คาดสิ้นปี 64 ฉีดวัคซีนได้ราว 120 ล้านโดส
สำหรับแผนการฉีดวัคซีนโควิดปี 2564 นี้ จากเดิมคาดว่าจะฉีดได้ 70 ล้านโดส แต่ด้วยความคืบหน้าการฉีดวัคซีนที่ดีขึ้นตามลำดับ ล่าสุดปรับเป้าใหม่เป็น 119-120 ล้านโดส เป็นเข็มหนึ่ง 60 ล้านโดส เข็มสอง 52 ล้านโดส เข็มสาม 7 ล้านโดส
ส่วนแผนปี 2565 คาดต้องใช้วัคซีนรวม 86 ล้านโดส เป็นเข็มหนึ่ง 6 ล้านโดส สำหรับเด็กอายุ 3 - 11 ปี เข็มสอง 8 ล้านโดส สำหรับผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนในปี 2564 กับอีก 6 ล้านโดส เป็นเข็มสองสำหรับเด็กอายุ 3-11 ปี และเข็มสาม 66 ล้านโดส