อำเภอหันคาจับมือเกษตรกรและชุมชนสร้างการรับรู้รณรงค์ลดการเผา แก้ปัญหาฝุ่น PM2.5อย่างยั่งยืน

อำเภอหันคา จังหวัดชัยนาท พบปัญหาฝุ่นPM2.5 ในสองลักษณะ คือการเผาในพื้นที่การเกษตร และป่าชุมชน ทางอำเภอใช้วิธีสร้างเครือข่ายรณรงค์ลดการเผา ขยายออกไปให้ทั่วทุกตำบล ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายกรณีสร้างความเดือนร้อน เสียหายในพื้นที่

นายอดิศร เกิดโต นายอำเภอหันคา กล่าวว่า ปัญหาฝุ่น PM2.5 ในพื้นที่อำเภอหันคา เกิดจาก 2 กรณี คือ การเผาจากการเกษตร ตอซังข้าว อ้อย และอีกกรณีคืออำเภอหันคมีพื้นที่ป่าสงวน เขาราวเทียนบางส่วน จะมีพี่น้องประชาชนเข้าไปหาของป่า อาจมีการลักลอบเผาป่า ซึ่งการแก้ไขปัญหาทั้งสองส่วนนี้ ในส่วนของปัญหาการเผาพื้นที่การเกษตร เราจะไม่บังคับใช้กฎหมายอย่างสุดโต่ง พยายามเดินเคียงข้างเกษตรกร โดยตั้งศูนย์เรียนรู้ขับเคลื่อนการทำการเกษตรอินทรีย์ โดยตั้งธนาคารปุ๋ยอินทรีย์น้ำหมักขึ้นในตำบลสามง่ามท่าโบสถ์ อยู่ระหว่างการขยายผลไปทุกตำบล ทั้งนี้การเผาตอซังของเกษตรกรเป็นความเคยชิน อยู่ดีๆเราจะไปเปลี่ยนพฤติกรรมเขาแบบทันทีเป็นเรื่องที่ยาก ต้องอาศัยภาคีเครือข่ายร่วมกันในการขับเคลื่อนแก้ไขปัญหา ซึ่งการแก้ไขที่ยั่งยืนเราต้องเดินไปเคียงข้างเกษตรกร การบังคับใช้กฎหมายอาจใช้ได้เป็นครั้งคราว เฉพาะกรณีมีความรุนแรงเกินกว่าเหตุ สร้างความเดือดร้อนในชุมชน การแก้ไขระยะยาวจึงมีการรณรงค์ทำการเกษตรด้วยปุ๋ยอินทรีย์น้ำหมัก เพื่อลดการเผา ปัจจุบันมีเครือข่ายอยู่ 1,277 คน ทั้ง 8 ตำบล คงต้องอาศัยระยะเวลา คาดว่าในอนาคตจะช่วยลดอัตราการเผาในพื้นที่การเกษตรลงได้อย่างแน่นอน

ส่วนการเผาในพื้นทีป่าสงวนเขาราวเทียน ซึ่งมีพื้นที่ในตำบลเด่นใหญ่ และตำบลไพรนกยูง เรามีคณะกรรมการป่าชุมชนช่วยกันดูแล รวมทั้งสร้างความร่วมมือและการรับรู้ร่วมกันกับอำเภอเนินขาม เพราะไฟป่าจะส่งผลกระทบทำให้เกิดมลพิษ อีกประการคือเกิดผลกระทบกับสัตว์ป่า ล้มตายเป็นจำนวนมาก ซึ่งหากมีการเผาในพื้นที่ป่าชุมชน จะมีการจัดชุดลาดตระเวนตรวจเข้มคนที่เข้าไปหาของป่า ล่าสัตว์ ป้องกันการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเผาป่า ร่วมกับคณะกรรมการป่าชุมชน เชื่อมั่นว่าการสร้างการรับรู้กับเกษตรกร ควบคู่กับการบังคับใช้กฎหมายจะสามารถแก้ไขปัญหาการเผาได้อย่างยั่งยืน : เกวลี เกิดน้อย ข่าว


image รูปภาพ
image
image
image
image
image

Line

คะแนนโหวต :
StarStarStarStarStar