จากนโยบายของ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ด้านตลาดข้าว ได้เดินหน้าตามยุทธศาสตร์ข้าวไทย พร้อมจับมือกับกระทรวงเกษตรฯ กำหนดวิสัยทัศน์ “เกษตรผลิตพาณิชย์ตลาด” ภายใต้ยุทธศาสตร์ “ตลาดนำการผลิต” ซึ่งหลังจากเดินทางมาเปิดการประกวดข้าวพันธุ์ใหม่ที่จังหวัดชัยนาทเมื่อต้นเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ชมรมผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวจังหวัดชัยนาท สนองนโยบายพัฒนาและผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ส่งออกตลาดโลก สร้างรายได้เกษตรกร  

นางอนุภา ปัญญาดิลก อุปนายกสมาคมเมล็ดพันธุ์ข้าว ประธานชมรมผู้ผลิตและจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ข้าวจังหวัดชัยนาท กล่าวว่า การทำข้าวพันธุ์ใหม่เรานึกถึงตลาดต่างประเทศ เราทำตลาดตามความต้องการของผู้บริโภค จากเดิมที่เราทำตามความต้องการของผู้บริโภคในประเทศ แต่ตอนนี้เราทำทั้งสองตลาด ทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งในอุตสาหกรรมด้วย จากเมื่อก่อนข้าวพันธุ์ต้องใช้เวลา 5-10 ปี ในการทำ แต่เราคิดด้วยว่าอีก 5-10 ปีข้างหน้าความต้องการข้าวของตลาดโลกคืออะไร เราจึงนำสายพันธุ์ข้าวที่มีอยู่มาผสมกัน หรือถ้ายังไม่ตอบโจทย์ เราก็ผสมพันธุ์ให้นิ่งอยู่ในระยะ 2-3 ปี   ขณะนี้สิ่งที่เราทำไม่ได้ขายเมล็ดพันธุ์อย่างเดียว ก่อนที่จะขายเมล็ดพันธุ์จะคุยกับโรงสีก่อนว่าโรงสีชอบข้าวแบบไหน ข้าวแข็ง ข้าวอ่อน ข้าวนุ่ม ที่มีกลิ่น เราต้องหาตลาดของโรงสีก่อน ถ้าไม่มีตลาดนี้เรานึกไม่ออกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ดีจะออกไปได้อย่างไร แล้วเกษตรกรจะมีทิศทางผลิตข้าวไปทางไหน

สิ่งที่ต้องได้คือ 1.ผลผลิตที่ดี 2.อายุต้องพอเหมาะพอควร ประมาณ 100-105 วัน 3.ต้องมีการลดต้นทุนให้เกษตรกรอยู่ได้ 4.จะทำให้เกษตรกรดำรงชีวิตต่อไปได้ นี่คือการต่อยอดและคำตอบที่ว่าทำไมต้องผลิตข้าวพันธุ์ใหม่ เพราะสิ่งที่เราเจออยู่ไม่ใช่ว่าไม่ดี แต่ในทุกๆปีสภาวะอากาศและราคาเปลี่ยนไป ความต้องการตลาดโลกก็เปลี่ยนไปเรื่อยๆ 

เราจึงต้องมานั่งคุยกัน ทั้งเกษตรกร ผู้ประกอบการเมล็ดพันธุ์ โรงสี ผู้ส่งออก เรื่องของการทำข้าวพันธุ์ใหม่ เกษตรกรชอบหรือไม่ และเป็นครั้งแรกที่นำวิชาการ เอกชน มูลนิธิ และกรมการข้าว นำข้าวที่มีอยู่ในมือนำมาประกวดกันเพื่อเฟ้นหาข้าวพันธุ์ดี คือให้ดีที่สุด ซึ่งคนที่ได้ประโยชน์คือเกษตรกร และผู้บริโภค ทั้งนี้ เป็นความหวังของตลาดโลกที่กำลังจะไปได้ดีจากที่เราได้ศึกษาดูงานกันมา